ถ้าทีมขายของคุณใช้ CRM แบบเดิม หรือแม้แต่ CRM รุ่นใหม่ที่ตั้งค่าไม่ถูกต้อง การปิดดีลอย่างสม่ำเสมออาจยังเป็นเรื่องยาก ระบบของคุณอาจกลายเป็นอุปสรรคมากกว่าที่จะช่วยสนับสนุนทีมขาย
ยิ่งกับซอฟต์แวร์ CRM ที่มีฟีเจอร์ครบและทรงพลังอย่าง HubSpot หากไม่ได้ตั้งค่าให้ตรงกับกระบวนการขายจริงๆ ผลลัพธ์ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะการตั้งค่าที่ไม่สอดคล้องทำให้การติดตามลูกค้าตกหล่น ข้อมูลไม่แม่นยำ และทีมขายรู้สึกหงุดหงิด
ในคู่มือนี้ คุณจะได้เรียนรู้:
HubSpot CRM จะช่วยเปลี่ยนทีมขายให้ปิดดีลได้มากขึ้นอย่างไร
ไม่ว่าคุณกำลังย้ายจากระบบ CRM เก่าหรือพยายามปรับปรุงการตั้งค่าปัจจุบัน บล็อกนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยน HubSpot ให้กลายเป็นระบบขายที่ใช้งานได้จริง
Even though HubSpot powers growth for over 248,000 companies across 135 countries, many sales teams still struggle to unlock its full value. The issue often isn’t the platform—it’s the setup.
แม้ว่า HubSpot จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้กับบริษัทมากกว่า 248,000 แห่งใน 135 ประเทศ หลายทีมขายก็ยังคงประสบปัญหาในการใช้ประโยชน์จากระบบอย่างเต็มศักยภาพ ปัญหาส่วนใหญ่มักไม่ใช่ตัวแพลตฟอร์ม แต่เป็นการตั้งค่าที่ไม่ได้สอดคล้องกับกระบวนการขายจริงของทีม
จากการวิจัยของ HubSpot พบว่าตัวแทนฝ่ายขายใช้เวลาประมาณ 34% ในการขายจริง ส่วนเวลาที่เหลือถูกใช้ไปกับงานด้านเอกสาร เช่น การกรอกข้อมูล CRM ด้วยตนเอง และกระบวนการที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ 45% ของพนักงานขายรู้สึกท่วมท้นกับจำนวนเครื่องมือในระบบเทคโนโลยีของตน ทำให้เกิดความสับสน ต้องสลับบริบทบ่อย และเสียประสิทธิภาพ หากไม่มีระบบที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกัน CRM ก็กลายเป็นเพียงเครื่องมืออีกตัวที่พนักงานเลือกหลีกเลี่ยงใช้งาน
แล้วถ้ากระบวนการขายกินเวลานานเกินไปล่ะ? 28% ของพนักงานขายระบุว่ารอบการขายที่ยืดเยื้อคือสาเหตุหลักที่ทำให้ลูกค้าเป้าหมายถอยหลัง ซึ่งยิ่งเน้นย้ำความสำคัญของการติดตามผลอย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ (ที่มา: HubSpot Sales Report)
1. Pipeline ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
การใช้ขั้นตอนเริ่มต้นของ HubSpot โดยไม่ปรับหรือปรับแล้วแต่มีขั้นตอนมากกว่า 15 ขั้นตอน ทำให้เกิดความสับสน
พนักงานขายมักข้ามขั้นตอน ทำให้การคาดการณ์ยอดขายกลายเป็นการเดา และบางคนถึงกับอยากกลับไปใช้สเปรดชีตเก่าของตัวเอง
2. การติดตามลีดไม่สม่ำเสมอ (หรือลืม)
หากไม่มีคู่มือหรือระบบอัตโนมัติและขั้นตอนมาตรฐาน การติดตามผลจะขึ้นอยู่กับความจำและสไตล์การทำงานของพนักงานแต่ละคน
จุดติดต่อกับลูกค้าอาจหลุดไป ลูกค้าเป้าหมายเริ่มลดความสนใจ และประสบการณ์การซื้อของลูกค้าดูไม่ต่อเนื่องและสุ่มไปตามสถานการณ์
3. การมีส่วนร่วมกับ CRM ต่ำ
เมื่อพนักงานขายไม่เห็นว่า HubSpot ช่วยให้ปิดดีลได้อย่างไร หรือการกรอกข้อมูลในระบบดูเหมือนงานวุ่นวาย พวกเขามักหลีกเลี่ยงการใช้งานระบบ
ผลลัพธ์คือ ข้อมูลไม่ครบถ้วน รายงานไม่ชัดเจน และภาพรวมของ Pipeline จำกัด
4. ไม่มีแผนกู้คืนดีลที่เสียไป
ดีลที่ถูกระบุเป็น “Closed–Lost” มักถูกละเลย หากไม่มีแผนฟื้นฟูโอกาสที่ติดขัด ลูกค้าที่มีค่าอาจหายไปตลอดกาล แทนที่จะได้รับการดูแลและกลับเข้าสู่ Funnel อีกครั้ง
เราผสานสองส่วนนี้เข้าด้วยกันในสิ่งที่เราเรียกว่า Ultimate HubSpot Bundle เครื่องมือครบชุดเพื่อทีมขายที่พร้อมสร้างผลลัพธ์จริง
แทนที่จะใช้เทมเพลตสำเร็จรูป เราจะออกแบบ CRM ของคุณตั้งแต่ต้นให้สอดคล้องกับวิธีที่ทีมของคุณคัดกรองลูกค้า จัดการดีล และรับมือข้อโต้แย้ง
สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็กเกจนี้:
ด้วยการตั้งค่านี้ ทีมขายของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ชัดเจนว่าแต่ละดีลอยู่ในขั้นตอนไหน และ CRM จะช่วยขับเคลื่อนผลลัพธ์แทนที่จะเป็นภาระ
นี่ไม่ใช่เอกสารธรรมดา แต่เป็นระบบที่ช่วยขับเคลื่อนทีมขายของคุณทุกวัน
สิ่งที่จะได้รับ:
ผลลัพธ์: การสื่อสารที่เป็นมาตรฐาน ทีมปรับตัวได้เร็วขึ้น และลดโอกาสที่ลูกค้าหายหรือหลุดจากการติดตาม
มาหาคำตอบด้วยกัน!
เราจะช่วยคุณรีวิวการตั้งค่า CRM ที่ใช้อยู่ ประเมินกระบวนการขาย และมอบแผนงานเพื่อเปลี่ยนระบบให้กลายเป็น HubSpot CRM ประสิทธิภาพสูง
จองปรึกษากลยุทธ์ฟรีวันนี้ เราจะช่วยคุณปรับ CRM ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการขาย—เพื่อให้คุณปิดดีลได้จริงมากขึ้น
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ทีมขายของคุณจะมีการใช้งาน CRM สูงขึ้น ผลลัพธ์การขายดีขึ้น และเห็นผลลัพธ์ที่วัดได้ พร้อมรับประกันการเพิ่มกิจกรรมการขายที่ติดตามได้อย่างน้อย 15%
พร้อมปรับปรุงระบบ HubSpot ของคุณแล้วหรือยัง? จองปรึกษาฟรีวันนี้!